5 หลักดูรถมือสองให้ไม่ถูกต้ม

          สำหรับเพื่อนๆที่มีรถ หรือ คิดจะซื้อรถมือสอง วันนี้สบายคาร์นำเกร็ดความรู้ 5 ข้อมาแนะนำให้ดูรถเป็น ไม่ให้ถูกใครต้มง่ายๆกันครับ โดยทั้ง 5 ข้อนี้เป็นสิ่งที่เช็คกันได้ไม่ยาก สามารถดูกันได้ด้วยตัวเอง มาดูกันเลยครับว่าควรดูตรงไหนบ้าง

 

1. สีรถ 

          การดูสีเป็นการบอกได้ว่ารถคันนั้นมีการโป๊วมาหรือไม่ (โป๊ว คือ การทำให้ผิวเรียบเสมอกัน มักทำเมื่อเกิดการซ่อมการเคาะต่างๆ) วิธีตรวจให้เราใช้มือเคาะเพื่อฟังเสียง หากรถที่ยังไม่ได้ทำสีเสียงจะโปร่งๆ แต่ถ้ารถที่มีการโป๊วและทำสีมาใหม่เสียงจะทึบๆ นอกจากนั้นให้เราดูความสม่ำเสมอของสีว่าเรียบหรือไม่ มีตรงไหนสีแปลกหรือเกินจริงหรือไม่ และ หากรถคนนั้นทำสีมาทั้งคันให้ระวังให้มากกว่าปกติเพราะอาจเกิดจากการต้องซ่อมหนักๆทั้งคันมาก็ได้

 

2. รูปทรงรถ 

          ให้ดูด้วยสายตาในทุกๆส่วนของรถว่ามีรูปทรงสมส่วน หรือ เอียงไปทางไหน เสียสมมาตรหรือไม่ (อะไรที่ควรตรงต้องตรง อะไรที่ควรเท่ากันต้องเท่ากัน) ช่องไฟระหว่างประตูเท่ากันหรือไม่ หากช่องไฟระยะห่างระหว่างประตูไม่เท่ากัน อาจเกิดจากการถอดออกมาเพื่อซ่อม

 

3. สมุดเล่มทะเบียนรถ

จุดที่ควรสังเกตุคือ

  1. เลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ตรงกับสมุดหรือไม่ (ในเล่มจะมีบอกตำแหน่งให้ดู) โดยบางทีเลขอาจมีการลบตอกใหม่ ให้สังเกตุเบื้องต้นโดยการลูบหากมีความคมแสดงว่าตอกใหม่ หรือ สามารถไปตรวจสอบกับกรมขนส่งได้ (โดยในปัจจุบันมีการโกงที่เนียนมากจนหลายๆครั้งกรมขนส่งก็อาจดูไม่ออกเช่นกัน)
  2. ดูหน้าประวัติรถหน้า 18 กรณีที่ควรสังเกตุเป็นพิเศษคือ

          - ออกเล่มใหม่เพราะเล่มเดิมเต็ม แสดงว่ารถนั้นผ่านประวัติมาอย่างโชกโชน หรือใช้งานมาหลายปีจนบางหน้าเต็ม (เช่นการต่อภาษี) โดยจะสืบประวัติต้องดูที่กรมขนส่งเท่านั้น

          - คัดแทนเล่มเดิม เพราะเล่มเดิมหายหรือเสีย อาจทำให้ประวัติในเล่มเดิมถูกล้างได้

          - แจ้งจอด ยกเลิกทะเบียน แล้วจดใหม่ อาจเกิดจากการที่รถมีปัญหาหนักๆจนต้องซ่อมนานจึงไม่อยากเสียภาษี

 

4. ตะเข็บต่างๆ

คาน ให้สังเกตุรอยจากคาน โดยดูรอยที่หัวน๊อตว่ามีร่องรอยของการถอดหรือไม่ ดูสีว่าใหม่ผิดปกติหรือไม่ ดูสติ๊กเกอร์ที่ติดมาจากศูนย์ยังอยู่หรือไม่ (บางรุ่นอาจไม่มีสติ๊กเกอร์) หากมีรอยซ่อม หรือ สติ๊กเกอร์หลุดลอกหายไป ให้สันนิษฐานว่ารถชนด้านหน้ามา (ดูความคล้ำของสติ๊กเกอร์ด้วยว่าไม่ควรใหม่เกินไป)

 

 คาน

 

แก้มข้าง ให้สังเกตุรอยนูนทั้งสองด้าน โดยทั้งสองด้านจะต้องมีเท่ากันและเหมือนกัน หากมีอาการแปลกหรือมีรอยการซ่อมให้สันนิษฐานว่าฝั่งที่รอยนูนหายไปอาจจะถูกชน

 

 แก้มข้าง

 

ประตูและขอบประตู ให้เราดูรอยพับการเก็บเข้ามุมของบานประตู และ ลองดึงยางขอบประตูออกมาดูทั้ง 4ข้าง โดยให้ดูที่รอยอ๊าค (รอยกลมๆ) ซึ่งรถทึ่ยังไม่ผ่านการซ่อมจะต้องมีรอยอ๊าคตลอดทั้งขอบประตู

 

ขอบประตู

 

ตะเข็บหลัง ให้เราสังเกตุรอยอ๊าค รอยนูนทั้ง2ฝั่ง ทั้ง2ฝั่งต้องมีเท่ากัน และสังเกตุที่กลอนประตูว่าบิดเบี้ยวหรือไม่ และในส่วนของพื้นท้ายรถช่องใส่ยางอะไหล่ของเดิมจะเป็นลอนๆ ให้เราสังเกตุว่ามีรอยเคาะรอยซ่อมมาหรือไม่

 

ตะเข็บหลัง

 

5. เครื่อง เกียร์ และ ช่วงล่าง

การดูเครื่องยนต์เบื้องต้น ให้สังเกตุที่เกวัดรอบ ดูว่าเครื่องยนต์นิ่งหรือไม่ รอบเครื่องมีการสวิงไปมาหรือไม่ หรือเสียงผิดปกติดังออกมา เราอาจใช้วิธีสตาร์ทเครื่องให้ร้อน แล้วดึงก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องออกมา แล้วสังเกตุว่ามีไอหรือควันพุ่งออกมาหรือเปล่า และให้เราดูที่ปลายท่อไอเสีย ตรวจสอบดูว่ามีควันไหลหรือไม่

เกียร์  ให้ทดลองขณะเครื่องเย็น ลองสตาร์ทเครื่อง แล้วใส่เกียร์D หากรถไม่ยอมเดินหน้า แสดงว่าเกียร์ใกล้เสีย หรืออาจจะลองขับ หากเกียร์ไม่ยอมเปลี่ยนตามปกติ หรือขับแล้วตระตุก หรือมีเสียงหอนจากเกียร์ ก็แสดงว่า เกียร์หมดอายุ

ช่วงล่าง ให้ลองเลี้ยวกลับรถ ให้สังเกตุเสียงจากช่วงล่างบริเวณล้อหน้า หากมีเสียง แกร๊กๆ สันนิษฐานได้ว่าดังจากหัวเพลา และให้ลองขับทางขรุขระ หากมีเสียงดังกุกกัก ก็ต้องเอารถขึ้นแม่แรงดู เพราะเสียงอาจจะดังแค่ลูกหมาก หรืออาจถึงขั้นเปลี่ยนโช้คเลยก็ได้

 

          ทั้งหมดนี้เป็นวิธีการดูเบื้องต้นเท่านั้น เราแนะนำว่าหากไม่ชำนาญทางที่ดีพาคนรู้ไปดูรถด้วยดีกว่า เพราะ คนแต่งสภาพรถเดี๋ยวนี้ทำกันเนียนมากๆ ยังไม่นับเรื่องการกรอเลขไมล์ที่ดูด้วยตาเปล่าไม่รู้

          แต่สำหรับใครที่อยากได้รถมือ 2 แบบมั่นใจหายห่วง บอกได้เลยว่าสบายคาร์คือรูปแบบธุรกิจใหม่ที่เกิดมาเพื่อตอบคุณ เพราะ รถของเราเป็นรถผู้บริหารจากบริษัทภัทรลิสซิ่งจำกัดมหาชน เนื่องจากเป็นรถลิสซิ่งทำให้รถของเราทุกคันตรวจประวัติได้ 100% พร้อมส่งศูนย์ซ่อมบำรุงทุกครั้งตลอดการใช้งาน ใครสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้เลยครับ >>>  https://www.sa-buycar.com/

หรือติดตามข่าวสารอัพเดทรถมาใหม่ทุกอาทิตย์ได้ที่ Line@ > @sa-buycar